ม.ราชภัฏนครสวรรค์ จัดงาน “The Lost Taste รสชาติที่หายไปของนครสวรรค์” ผลักดันอาหารพื้นถิ่นสู่ Soft Power สร้างรายได้และความยั่งยืนแก่ชุมชน
วันที่ 3 สิงหาคม 2568 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จัดกิจกรรม “The Lost Taste รสชาติที่หายไปของนครสวรรค์” ภายใต้โครงการ “เพิ่มศักยภาพชุมชน Soft Power บนฐานอัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น (Food – อาหารไทย)” ณ ลานน่านนที ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครสวรรค์ โดยภายในงานมีกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์อาหารท้องถิ่นนครสวรรค์ ซึ่งได้รับการพัฒนาและยกระดับให้เป็นผลิตภัณฑ์ Soft Power ที่สามารถต่อยอดสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตให้กับคนในชุมชน
พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานในพิธี โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์แวววัน ชมพูนุท ณ อยุธยา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เป็นผู้กล่าวรายงาน
ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการและเสวนา “The Lost Taste รสชาติที่หายไปของนครสวรรค์” การนำเสนอเมนูอาหารอัตลักษณ์ของจังหวัดที่หาชิมได้ยาก พร้อมให้ผู้ร่วมงานได้ลิ้มลองและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น พร้อมกิจกรรมไฮไลต์สุดพิเศษ “การแข่งขันกินเร็ว กินจุ กินไว” ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจำนวน 10 คน ต้องรับประทานอาหารปากน้ำโพ 5 เมนู น้ำหนักรวม 3.5 กิโลกรัม ภายในเวลา 30 นาที ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 11,000 บาท สร้างความสนุกสนานและกระตุ้นความสนใจต่ออาหารพื้นถิ่นได้อย่างคึกคัก
สำหรับเมนูอาหารอัตลักษณ์ 5 รายการที่คัดเลือกมาในครั้งนี้ ได้รับการรับรองเป็นเมนู “Lost Taste” จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่ปี 2565 ประกอบด้วย
1. แกงนอกหม้อ จากอำเภอบรรพตพิสัย โดยคุณสุจริตรา นำเจริญ
2. แกงหัวตาล จากอำเภอชุมแสง โดยคุณสุภัทรา คุ้มเมือง
3. ทอดมันปลากราย จากตำบลเกรียงไกร โดยคุณกัลยารัตน์ ดาวเรือง
4. ไอศกรีมน้ำตาลสด จากตำบลเกยไชย โดยคุณพรธีรา คุ้มเมือง
5. ข้าวโปง จากอำเภอเมืองนครสวรรค์ โดยคุณบังอร จูมลี
เมนูทั้งหมดได้รับการพัฒนาต่อยอดโดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.ราชภัฏนครสวรรค์ ร่วมกับอาจารย์ นักศึกษา และผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยมีการจัดทำตำรับมาตรฐาน คำนวณคุณค่าทางโภชนาการ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อผลักดันอาหารพื้นถิ่นให้เป็น Soft Power ที่สามารถสร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของชุมชนให้มั่นคงและยั่งยืน

Share: